tag:blogger.com,1999:blog-52389032547493880902024-03-14T06:33:27.893-07:00Video Gallerykruyinghttp://www.blogger.com/profile/10507722701822294380noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-5238903254749388090.post-81112392468889275982011-11-24T08:45:00.000-08:002011-11-24T08:45:24.029-08:00ช่วยด้วย !…หนูเรียนไม่เก่ง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5617lLvI9XN_fR1lkAVgl7mU7tUmV6gNJzKBOx4Jqd9DU_CKbUJCPVtzJJSkrTxlPNIN-c-WOicpjwm0m9xkZTkBoqkWxIsKF4O6bZ2IPFZDAv7JGljANry_I2yKvVx6KV43x_OjYRk4K/s1600/1816.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5617lLvI9XN_fR1lkAVgl7mU7tUmV6gNJzKBOx4Jqd9DU_CKbUJCPVtzJJSkrTxlPNIN-c-WOicpjwm0m9xkZTkBoqkWxIsKF4O6bZ2IPFZDAv7JGljANry_I2yKvVx6KV43x_OjYRk4K/s1600/1816.gif" /></a></div><br />
<b><span class="Apple-style-span" style="color: #fa0a00;">ทำไมหนูเรียนไม่เก่ง?</span></b><br />
<b> </b>ถ้าเลือกเกิดได้ เด็กทุกคนคงอยากเกิดมาเรียนเก่ง พ่อแม่จะได้ชื่นชม ไม่มีใครอยากเกิดมาเรียนโง่ /เรียนอ่อน สาเหตุที่ทำให้เด็กเรียนไม่เก่งมี ดังต่อไปนี้<br />
<b><span class="Apple-style-span" style="color: #fa0a00;">ก. สาเหตุที่ตัวเด็ก</span></b><br />
<b> </b>1. สาเหตุด้านร่างกายและสติปัญญา ได้แก่<br />
1.1 เด็กที่มีภูมิปัญญาบกพร่อง พัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เด็กเล็ก เช่น เดินได้ช้า พูดได้ช้า ทำให้เรียนตามเพื่อนไม่ทันหรือหัวช้า<br />
1.2 เด็กที่ฉลาดดี รู้เรื่องทุกอย่าง ไหวพริบดี แต่มีความยากลำบากในการอ่าน เขียน หรือวิชาคณิตศาสตร์ วิชาใดวิชาหนึ่งหรือหลายวิชา เรียกว่า ความบกพร่องของทักษะในการเรียน (Learning disorder) ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของสมองบางส่วน ทำให้เด็กทำไม่ได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตาม<br />
1.3 เด็กที่มีความผิดปกติของประสาทสัมผัส เช่น ความผิดปกติของสายตา การได้ยินหรือความพิการที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเรียน<br />
1.4 เด็กที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือโรคที่มีผลกระทบต่อสมอง ทำให้เด็กต้องขาดเรียนบ่อย ทำให้เรียนช้า ไม่ทันเพื่อน<br />
1.5 เด็กซน-สมาธิสั้น ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมองบางส่วน ทำให้เด็กไม่มีสมาธิในการเรียน วอกแวกง่าย ซน อยู่ไม่นิ่ง ทำให้มีปัญหาด้านการเรียน<br />
1.6 เด็กปัญญาเลิศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักถูกมองข้ามเนื่องจากเด็กฉลาดเกินวัย มีความคิดสร้างสรรค์หรือมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน ทำให้เด็กขาดความสนใจในห้องเรียนเนื่องจากไม่ตรงกับความสนใจของเด็ก<br />
2. สาเหตุด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล อาการทางจิต ทำให้ขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก<br />
3. สาเหตุจากลักษณะเฉพาะของเด็ก เช่น ขาดแรงจูงใจในการเรียน รักสบาย<br />
<b><span class="Apple-style-span" style="color: #fa0a00;">ข. สาเหตุภายนอกตัวเด็ก ได้แก่</span></b><br />
<b> </b>1. ปัญหาภายในครอบครัว เช่น ครอบครัวปล่อยปะละเลย ไม่สนใจเรื่องการเรียนของเด็ก หรือตามใจมากเกินไป ครอบครัวที่ใช้แรงงานเด็กเพื่อช่วยหารายได้ ทำให้ขาดโอกาสในการเรียน<br />
2. ปัญหาของโรงเรียน เช่น ระบบของโรงเรียนปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูและกับเพื่อน พบว่าเด็กที่ขาดความสัมพันธ์อันดีกับครู มีการเปลี่ยนครูบ่อย เข้ากับเพื่อนไม่ได้ รังแกเพื่อนหรือถูกเพื่อนข่มขู่ รังแก อาจมีผลกระทบต่อการเรียนได้<br />
<b><span class="Apple-style-span" style="color: #fa0a00;">ผู้ปกครองจะช่วยเหลืออย่างไร</span></b><br />
1. ทำความเข้าใจปัญหาโดยสาเหตุและแก้ไขให้ตรงจุดซึ่งอาจขอความช่วยเหลือเพิ่มจากครูหรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเด็กต่อไป<br />
2. มีความคาดหวังต่อการเรียนของเด็กให้สอดคล้องกับความสามารถที่แท้จริงของเด็ก<br />
3. เพิ่มความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่ลูก เช่น ไม่ตำหนิ เปรียบเทียบ ประชดประชันหรือจับผิด ให้อิสระในเรื่องส่วนตัวพอควร เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กคิดและตัดสินใจ<br />
4. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเรียน เช่น ชั้นการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กหูหนวก ตาบอด เชาว์ปัญญาช้าหรือการเรียนพิเศษเฉพาะด้าน<br />
5. สร้างบรรยากาศในการเรียนให้น่าสนใจ เหมาะกับวัยของเด็ก<br />
6. พัฒนาคุณสมบัติอื่นที่เอื้ออำนวยต่อการเรียน เช่น ส่งเสริมให้ช่วยเหลือตนเองและงานบ้านเพื่อเด็กจะได้มีความรับผิดชอบ ขยันและอดทน<br />
7. ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ เช่น การเข้าใจและยอมรับตัวเองและผู้อื่นที่ไม่ใช่การเรียนเท่านั้น ส่งเสริมตามความสนใจของเด็ก เช่น งานประดิษฐ์ ดนตรี กีฬา ศิลปะ ทำอาหาร<br />
8. ชื่นชมเมื่อเด็กพยายาม ให้ความสนใจ และรับผิดชอบต่อการเรียน ให้กำลังใจให้เด็กอย่างสม่ำเสมอ<br />
<div> </div><span style="font-size: 1.05em; font-weight: bold;">แหล่งที่มา : สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ </span>kruyinghttp://www.blogger.com/profile/10507722701822294380noreply@blogger.com0